โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ เจ้าของเหรียญหล่อหูหลังที่แสนจะหายาก

พระครูวิมลศิลาจารย์ หรือ หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม

         หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ หรือ พระครูวิมลศีลาจารย์ อดีตเจ้าอาวาสวัดปากน้ำ ตําบลแควอ้อม อําเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม 

         หลวงพ่อช่วง ท่านเกิดเมื่อวันอาทิตย์ เดือน ๑๐ ปีมะโรง พ.ศ. ๒๓๙๙ ที่บ้านตำบลบางพรม อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม เป็นบุตรของนายรอด และนางแจ่ม อาชีพทำสวน 

         ปี พ.ศ. ๒๔๐๘ ท่านมีอายุได้ ๙ ปี โยมบิดาได้นำไปฝากเป็นศิษย์เรียนหนังสือไทยและขอมกับหลวงพ่อกลัด วัดบางพรม ร่ำเรียนจนเขียนอ่านได้ดีแล้ว จึงออกมาช่วยบิดามารดาทำสวน 

         ปี พ.ศ. ๒๔๑๙ หลวงพ่อช่วง ท่านจนมีอายุครบบวช จึงได้อุปสมบทที่พัทธสีมาวัดบางพรม ตำบลบางช้าง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ได้รับฉายานามว่า “อินฺทโชติ” โดยมี

         พระอธิการเพ็ง วัดบางแคใหญ่ เป็นพระอุปัชฌาย์ 

         พระอธิการกลัด วัดบางพรหม เป็นพระกรรมวาจาจารย์

         พระอธิการขาว วัดปากน้ำ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

         กล่าวสำหรับพระอธิการเพ็ง ท่านเป็นพระอุปัชฌาย์ของพระครูทักษิณคณิศร(สาย) วัดอินทาราม(วัดใต้) ตลาดพลู กทม. เช่นกัน 

         ในสมัยที่ท่านอุปสมบทที่วัดราษฎร์บูรณะ อำเภออัมพวา จ.สมุทรสงคราม พระอธิการเพ็ง ได้รับการยกย่องว่าเป็นอาจารย์ทางวิปัสสนากรรมฐานชื่อดังของจังหวัดสมุทรสงคราม

          เมื่อพระครูวิมลศีลาจารย์ หรือหลวงพ่อช่วง ได้อุปสมบทแล้ว ได้มาจำพรรรษาที่วัดปากน้ำ ศึกษาเล่าเรียนทั้งมูลกัจจายน์ บุพสิกขาวรรณา พระธรรมบท มงคลทีปนี บาลีไวยากรณี

          ทั้งยังมีความอุตสาหะท่องบทสวดมนต์จนจบพระปาฏิโมกข์ ทั้งยังได้ชื่อว่าจารหนังสือขอมได้สวยงาม ทั้งเทศน์ทำนองไพเราะ มีความรู้ทางช่างเป็นอย่างดียิ่ง

         ต่อมาพระอธิการเกตุได้ถึงแก่มรณภาพ ชาวบ้านและคณะสงฆ์จึงพร้อมใจกันนิมนต์หลวงพ่อช่วง ขึ้นเป็นเจ้าอาวาสทดแทนตำแหน่งที่ว่างลง

พระครูวิมลศิลาจารย์ หรือ หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม

         วัดปากนํ้า เป็นวัดราษฏร์ สังกัดคณะสงฆ์มหานิกาย ตั้งอยู่เลขที่ ๖๒ หมู่ที่ ๖ ตําบลแควอ้อม อําเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ที่ดินตั้งวัดมีเนื้อที่ ๒๑ ไร่ ๓ งาน ๓๘ ตารางวา

         วัดปากน้ํา ตั้งเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ จากหลักฐานทางโบราณวัตถุ เช่น พระพุทธไสยาสน์ ทางกรมศิลปากร สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย วัดได้รับความอุปถัมภ์จากราษฎรในหมู่บ้านมาโดยตลอด

         ในพระราชหัตถเลขาของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จประพาสมณฑลราชบุรี ในปีระกา ร.ศ.๑๒๘ หรือ พ.ศ.๒๔๕๒ ทรงกล่าวถึงวัดปากน้ำ ดังความต่อไปนี้

         "วัดอัมพวานี้คงจะได้คิดจะให้เป็นของคู่กันกับวัดสุวรรณดารารามจึงได้ทรงสร้างบางอย่างทุกๆ รัชกาลมา จะทิ้งให้สาบสูญเสียเห็นจะไม่ควร 

         ข้อขัดข้องสำคัญนั้นคือหาเจ้าอธิการไม่ได้ แต่ก่อนมาเป็นวัดพระราชาคณะอยู่เสมอ แต่ได้โทรมเข้าเลยโทรมไม่ฟื้น เพราะไม่มีใครยอมไปอยู่ การที่ไม่ยอมไปอยู่นั้นเห็นจะเป็นด้วยปราศจากลาภผล 

         ไม่เหมือนวัดบ้านแหลมและวัดพวงมาลัย ซึ่งได้ผลประโยชน์ในทางขลังต่างๆ แต่ด้วยเหตุที่ไม่มีสมภารดีนึ้ จนราษฎรในคลองอัมพวาก็พากันเข้าไปทำบุญเสียวัดปากน้ำลึกเข้าไปข้างใน การที่จะแก้ไขไม่ให้ร้างไม่มีอย่างอื่น นอกจากหาสมภารที่ดีมาไว้"

         จากข้อความในพระราชหัตถเลขานั้น แสดงว่าวัดปากน้ำนั้นเจริญ รุ่งเรืองมาตั้งแต่อดีตและเจริญรุ่งเรืองเรื่อยมาไม่มีตกต่ำเลย วัดได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. ๒๔๕๘ มีเจ้าอาวาสปกครองวัด เท่าที่ทราบนามดังนี้

         ๑ . พระสมทอง

         ๒. พระช้าง

         ๓. พระขาว

         ๔. พระเทศ

         ๕. พระเกตุ

         ๖. พระครูวิมลศีลาจารย์ (ช่วง อินทโชติ) 

         ๗. พระครูจันทร์ พุทธสโร พ.ศ. ๒๔๗๓ - ๒๔๙๙

         ๘. พระครูสมุทรเวที พ.ศ. ๒๕๐๐ -  ๒๕๑๖2500

         ๙. พระครูสมุทรทิวากรคุณ พ.ศ. ๒๕๑๖ - ปัจจุบัน

หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม

          เมื่อหลวงพ่อพ่อช่วงได้ขึ้นเป็นเจ้าอาวาส ท่านได้พัฒนาวัดอย่างสุดคงามสามารถ ทั้งการสร้างเสนาสนะและถาวรวัตถุต่างๆ จนวัดเจริญก้าวหน้าทั้งในด้านถาวรวัตถุ และการเรียนการศึกษาของพระภิกษุสามเณร

         ท่านได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะแขวงอัมพวา เมืองสมุทรสงคราม รวมทั้งยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นพระอุปัชฌาย์อีกด้วย

          ในด้านวิชาอาคมของหลวงพ่อช่วงนั้น ท่านได้ศึกษาร่ำเรียนคาถาอาคมจากพระอธิการเพ็ง พระอุปัชฌาย์ ในด้านรุกขมูล อันเป็นที่นิยมในสมัยนี้น

         พระครูวิมลศีลาจารย์(ช่วง อินฺทโชติ) ก็เคยเข้าร่วมในกลุ่มธุดงควัตรของหลวงพ่อหรุ่น วัดช้างเผือก อ.อัมพวา อันเป็นพระอาจารยธุดงค์ชื่อดังในยุคนั้น ธุดงค์ไปจนถึงนครวัด ประเทศกัมพูชา พระเจดีย์ชเวดากองของพม่า และธุดงค์ไปถึงหลวงพระบางของประเทศลาว

          เมื่อกลับจากธุดงค์แล้วนั้น หลวงพ่อช่วงได้รับหน้าที่เป็นครูสอนพระปริยัติธรรมแก่พระภิกษุสามเณร นอกจากนั้นยังได้สร้างโรงเรียนสำหรับเป็นที่ ศึกษาของลูกหลานชาวบ้าน 

         เมื่อครั้งที่ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็นที่ “พระครูวิมลศีลาจารย์” โรงเรียนที่ตั้งขึ้นมีชื่อว่า “โรงเรียนวิมลอุปการ” ซึ่งโรงเรียนเดิมคือ โรงเรียนอมราบำรุงรักษ์ ก่อตั้งโดยพระอมรโมลี ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๓๕

         ในด้านโรงเรียนปริยัติธรรม ท่านได้จัดหาครูจากวัดระฆังโฆสิตารามไปสอน ซึ่งระหว่างตัวท่านเองและสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์(ม.ร.ว.เจริญ อิศรางกูร ณ อยุธยา)เป็นสหธรรมิกกัน

พระครูวิมลศิลาจารย์ หรือ หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม

         ปี พ.ศ. ๒๔๕๘ สมเด็จพระมหาสมณเจ้ากรมพระยาวชิรญาณวโรรส เสด็จตรวจการคณะสงฆ์มลฑลราชบุรี ทรงเสด็จถึงวัดกลางเหนือ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๔๕๘ เวลา ๑๒.๒๖ น. 

         ทอดพระเนตรวัดปากน้ำ วัดนี้มีพระครูช่วง เจ้าคณะแขวงอัมพวา เป็นเจ้าอาวาส นับเป็นวัดที่เป็นหลักฐาน กุฏีวิหารการเปรียญมุงกระเบื้องทั้งนั้น อุโบสถก่อมุงกระเบื้องเหมือนกัน ทอดพระเนตรสถานนั้นๆ ทั่วแล้ว เสด็จทางลำแม่น้ำอ้อม เพื่อทอดพระเนตรวัดในทางนั้นต่อไป

         หลังจากการสเด็จครั้งนั้น ท่านได้รับพระราชทานสมณศักดิ์เป็นพระครูสัญญาบัตรที่ “พระครูวิมลศีลาจารย์” 

         เมื่อเข้าสู่วัยชรา ในฐานะที่ท่านเป็นเจ้าคณะอำเภออัมพวา ท่านได้ขอให้หลวงพ่อคง วัดบางกระพ้อม ดำรงตำแหน่งรองเจ้าคณะอำเภอ และเป็นอุปัชฌาย์ช่วยแบ่งเบาภาระของท่าน 

         จนเมื่อพระครูวิมลศีลาจารย์ (ช่วง อินฺทโชติ) มรณภาพลง ทางการจึงได้แต่งตั้งให้หลวงพ่อคง เป็นเจ้าคณะอำเภอสืบไป แต่ท่านไม่ยอมรับ จึงต้องย้ายพระครูสุทธิสาร (ใจ) วัดเสด็จ เจ้าคณะอำเภอบางคนที มาเป็นเจ้าคณะอำเภออัมพวาแทน

          พระครูวิมลศีลาจารย์(ช่วง อินฺทโชติ) ปกครองวัดเรื่อยมาจนถึงแก่มรณภาพลงด้วยโรคชราในปี พ.ศ. ๒๔๗๘ นับรวมสิริอายุได้ ๗๙ ปี พรรษาที่ ๕๙

วัตถุมงคลของหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ

           เหรียญหล่อพระพุทธหลวงพ่อช่วง ปากน้ำ รุ่นแรก(หูหลัง)

           สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด ทางกรรมการวัดจึงได้ขออนุญาตจัดสร้างวัตถุมงคล ลักษณะเป็นพระเหรียญหล่อโบรารณ มีหูที่ด้านหลังเหรียญ มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะผสมแก่ทองเหลือง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม รุ่นแรก หูหลัง 2463 ทองผสม
เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ รุ่นแรก หูหลัง ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อทองผสม ของคุณโย สามพราน
เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม รุ่นแรก หูหลัง 2463 ทองผสม
เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ รุ่นแรก หูหลัง ปี พ.ศ. ๒๔๖๓ เนื้อทองผสม

           ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงพ่อบ้านแหลมประทับยืนบนอาสนะ บัวคว่ำ-บัวหงาย

           ด้านหลัง มีหูสำหรับไว้ห้อยเหรียญ ใต้หูเหรียญมีอักขระยันต์สาม และเลขไทยระบุปีที่สร้าง "๒๔๖๓" ซึ่งคือปีที่สร้างเหรียญ

           เหรียญหล่อพระพุทธหลวงพ่อช่วง ปากน้ำ รุ่นสอง(หูตรง)

           สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เพื่อแจกให้กับผู้ที่บริจาคทรัพย์ให้กับทางวัด หลังจากที่เหรียญรุ่นแรกได้หมดลงแล้วทางวัดจึงได้มีการสร้างขึ้นมาอีกครั้ง โดยให้ช่างแกะแม่พิมพ์ให้เหมือนลักษณะเดิม แต่มีการแกะหูไว้ด้านบน ชาวบ้านเรียกว่า "เหรียญหูตรง" มีการสร้างด้วยเนื้อโลหะผสมแก่ทองเหลือง จำนวนการสร้างไม่ได้มีการจดบันทึกไว้

เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ สมุทรสงคราม รุ่น 2 หูตรง 2467 ทองผสม
เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ รุ่น ๒ หูตรง ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เนื้อทองผสม ของคุณปอม บางบอน

เหรียญหล่อหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ รุ่น ๒ หูตรง ปี พ.ศ. ๒๔๖๗ เนื้อทองผสม

           ด้านหน้า เป็นรูปจำลองหลวงพ่อบ้านแหลมประทับบนอาสนะ บัวคว่ำ-บัวหงาย

           ด้านหลัง มีอักขระยันต์สาม และเลขไทยระบุปีที่สร้าง "๒๔๖๗" ซึ่งคือปีที่สร้างเหรียญ

           เหรียญหลวงพ่อช่วง ปากน้ำ รุ่นแรก

           สร้างขึ้นในปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เพื่อแจกเป็นระลึกในงานทำบุญอายุครบ ๖ รอบ ๗๒ ปี ของหลวงพ่อ ลักษณะเป็นเหรียญปั๊มทรงหยดน้ำข้างกระบอกแบบมีหูในตัว มีการสร้างด้วยเนื้อทองแดงเพียงชนิดเดียวเท่านั้น จำนวนการสร้างประมาณ ๒,๐๐๐ เหรียญ

เหรียญหลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ รุ่นแรก ปี พ.ศ. ๒๔๗๑ เนื้อทองแดง

           ด้านหน้า มีของรอบนอกเป็นลายกนก และทำเส้นขอบรูปทรงเดียวกับเหรียญอีกชั้นหนึ่ง ภายในเป็นรูปเหมือนหลวงพ่อช่วงครึ่งรูป ห่มจีวรลดไหล่พาดผ้าสังฆาฎิ โดยรอบรูปเหมือนนั้นเป็นอักษรระบุถึงที่มาของการสร้างเหรียญพระเครื่องนี้ขึ้นมาว่า "พระครูวิมล ศีลาจารย์ วัดปากน้ำ ที่รฤกในงานทำบุญอายุครบ ๖ รอบปี พ.ศ. ๗๑"

           ด้านหลัง พื้นเหรียญเรียบ มีขอบเนื้อล้นของเนื้อโลหะตรงขอบเหรียญ ตรงกลางเป็นรูปองค์พระภควัมบดี หรือ พระปิดตา และโดยรอบพระปิดตาเป็นอักขระขอม ซึ่งเป็นคาถามหาอุด อ่านได้ว่า "อุด อัด อัด พัด อะ ละ นัง ล้อม ภควัม"

          รูปถ่ายหลวงพ่อช่วง ขนาดห้อยคอ

          นอกจากนี้ทางวัดปากน้ำ ยังได้สร้างรูปถ่ายขนาดห้อยคอหลวงพ่อช่วง ไว้แจกจ่ายอีกด้วย ซึ่งถือเป็นของที่หายาก

รูปถ่ายขนาดห้อยคอ หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำ

          ด้านหน้า เป็นรูปหลวงพ่อช่วง นั่งมารวิชัย ห่มจีวรลดไหล่ พาดผ้าสังฆาฏิ มีรัดประคต นั่งบนอาสนะ ด้านล่างมีข้อความภาษาไทย เขียนว่า "พระครูวิมลศิลาจาร วัดปากน้ำ"

          รูปถ่ายขนาดห้อยคอ หลวงพ่อช่วง วัดปากน้ำนี้น่าเสียดายที่ไม่ทราบปีที่สร้าง จัดเป็นของหายาก


ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้