โฆษณาแนวนอน728*90

บทความใหม่

ประวัติและวัตถุมงคลหลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร เจ้าของลูกอมกันอสรพิษและมหาเสน่ห์

หลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร

ประวัติและวัตถุมงคลของหลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร

          วัดเขายี่สาร ตั้งอยู่ที่ตำบลเขายี่สาร อำเภออัมพวา เป็นวัดเก่าแก่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย ภายในวัดมีพระวิหารบนยอดเขา มีลักษณะเป็นรูปเรือ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอย พระมณฑป และบานประตูสลักไม้ศิลปะสมัยอยุธยาตอนปลาย นับว่าเป็นงานประณีตศิลป์ชั้นสูง อุโบสถบูรณะใหม่ มีลวดลายปูนปั้นฝืมือช่างเมืองเพชรบุรี ภายในมีจิตกรรมฝาผนัง บานหน้าต่างอุโบสถมีรูปบุคคลในพงศาวดารจีน พระกินคน และพิพิธภัณฑ์ชุมชนวัดเขายี่สาร 

          หลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร เกิดที่หมู่บ้านยี่สารตำบลยี่สาร อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม ในช่วงสมัยรัชกาลที่ ๓ เกิดราวปี พ.ศ. ๒๓๘๐ โดยสันนิษฐานจากบันทึกของวัดเขายี่สารว่ามีการขุดคลองหน้าวัดเมื่อ พ.ศ. ๒๔๑๑ ตรงกับปลายรัชกาลที่ ๔ โดยท่านไล้(ร้าย) เจ้าอาวาส ร่วมกับราษฎรท้องถิ่น คาดคะเนอายุของหลวงพ่อไล้(ร้าย) ในขณะขุดคลองนั้นน่าจะมีช่วงวัยประมาณ ๓o ปี

          น่าเสียดายว่าประวัติของท่านไม่มีการจดบันทึกไว้เป็นเรื่องเป็นราว จะมีก็แต่การแกะรอยค้นหาอย่างละนิดละหน่อย แล้วนำมาปะติดปะต่อกัน แม้แต่ชื่อของท่าน “ร้าย” น่าจะเพื้ยนมาจาก “ไล้” ซึ่งมีผลให้มีการสันนิษฐานกันต่อว่า หลวงพ่อท่านอาจจะมีเชื้อสายจีน หรืออาจมีเชื้อสายมอญ เหตุเพราะขณะนั้นมีครัวพญามอญอพยพเข้ามาพึ่งพระบรมโพธิสมภารของกษัตริย์ไทยเป็นอันมาก หรือแม้แต่ชื่อของบิดาและมารดาของหลวงพ่อไล้(ร้าย) ก็ไม่มีผู้ใดทราบ 

          หลวงพ่อไล้(ร้าย) อุปสมบทเมื่อใด มีใครเป็นพระอุปัชฌาย์ ไม่มีหลักฐานบ่งบอกถึง มีแต่คำบอกเล่าว่าหลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร ได้ชื่อว่ามี “วาจาสิทธิ์” บนเขายี่สารอันเป็นสถานที่ตั้งวัด สมัยก่อนมีงูเห่าชุกชุมเป็นอย่างมาก ผู้คนที่มาทำบุญมักถูกงูเห่ากัดกันอยู่บ่อยๆ เมื่อโดนกัดก็พาไปหาหลวงพ่อไล้(ร้าย)ให้ท่านฝนยาให้กิน และพอกแผล ซึ่งรอดชีวิตจากพิษงู ครั้นเมื่อหลวงพ่อร้ายถามว่าไปถูกงูกัดทีไหน คนถูกงูกัดก็บอกบนเขายี่สารนี่เอง ท่านก็ตอบกลับ “งูเห่าบนเขายี่สารนี่มันกัดคนไม่ตายหรอก” นับแต่นั้นมางูเห่าบนเขายี่สารก็ไม่มีพิษสงอีกเลย บางตัวถูกคนเหยียบตายไปก็มี 

          แต่ด้วยวาจาสิทธิ์ของหลวงพ่อไล้(ร้าย) บางครั้งทำให้ท่านพลั้งปากไปเหมือนกัน ดังเช่นผู้ที่ไปขอพรจากหลวงพ่อไล้(ร้าย) ขอให้อยู่เย็นเป็นสุข ของให้มีลาภผล ได้รับตำแหน่งหน้าที่การงาน บางคนไปเซ้าซี้ขอท่านในบางเรื่องจนเกิดความรำคาญใจพลั้งปากไปว่า ”อ้ายนี่ท่าจะบ้า” ก็ปรากฏว่าในภายหลังบุคคลนั้นมีอาการบ้าๆบอๆ ไปจริงๆ 

          หลวงพ่อไล้(ร้าย) คือหนึ่งในพระอาจารย์ของหลวงพ่อคง วัดบางกะพ้อม โดยหลวงพ่อคงท่านมาเรียนวิชาการทำลูกอม (ลูกอมมหากัน) และวิชากระสุนคต และยังเป็นอาจารย์ของเจ้าคุณทักษิณคณิศร แห่งวัดใต้ ผู้สร้างพระเพชรหลีกอันโด่งดัง.

         หลวงพ่อไล้(ร้าย) มรณภาพลงด้วยโรคชรา เมื่อประมาณปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ขณะมีอายุได้ ๗o ปี

วัตถุมงคลของหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร

          ลูกอมของหลวงพ่อร้าย

          สำหรับวัตถุมงคลที่ท่านสร้างขึ้น คือ “ลูกอม” คาดกว่าสร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๕๑ ลูกอมของท่านเป็นอีกสำนักหนึ่งที่ขึ้นชื่อเสียงโด่งดัง ลูกอมที่ท่านสร้างขึ้นมามี ๒ แบบ แต่ที่พบกันโดยมากคือ


ลูกอมผงยาหลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร ห่วงทองแดง ของร้านน้อย นครน่าน

          ลูกอมเนื้อผงยาของหลวงพ่อร้าย สร้างขึ้นด้วยวัสดุมวลสารคือยาสมุนไพรที่มีไพลบดเป็นส่วนสำคัญ ไพลแต่ละแว่นก่อนจะนำไปบดนั้นหลวงพ่อร้ายได้ลงอักขระกำกับไว้ จากนั้นจึงนำไปตากแดดจนแห้งแล้วจึงนำไปบดผสมกับสมุนไพรชนิดอื่นๆ จากนั้นนำไปเคล้ากับรักเป็นตัวเชื่อมประสานยึดเนื้อ ปั้นเป็นก้อนกลมขนาดประมาณปลายนิ้วชี้ บางก้อนทำห่วงเหล็กหรือห่วงทองแดงฝังลงไปในเนื้อผงลูกอมเอาไว้สำหรับเป็นหูห้อยเชือก หรือสายสร้อยคล้องคอ 

          ลูกอมด้ายขาวสาวพรหมจรรย์ สร้างขึ้นด้วยด้ายเย็บผ้าจากบ้านของหญิงสาวพรหมจรรย์ ที่มีชื่อเป็นมงคล เช่นชื่อ บุญเรือน บุญช่วย บุญอยู่ ขวัญเรือน แก้ว แหวน เงิน ทอง ฯลฯ แล้วนำมาพันกับกระดาษสาไปเสียบไว้กับปลายไม้ไผ่เสี้ยมปลายขนาดเท่าปลายนิ้วก้อย หรือนิ้วชี้ แล้วจึงถอดออกนำไปจุ่มรักผึ่งลม 

          ลูกอมทั้ง ๒ ชนิดนี้ เมื่อทำเสร็จแล้ว หลวงพ่อไล้(ร้าย) จะรวบรวมนำไปปลุกเสกในอุโบสถ วัดเขายี่สาร ก่อนนำออกแจกจ่ายแก่สานุศิษย์ที่มาขอ ผู้ขอต้องบอกจุดประสงค์ว่าอยากได้ลูกอมไปไว้ใช้ในทางใด ถ้าต้องการไปในทางป้องกันเขี้ยวงา คงกระพันชาตรี หลวงพ่อร้ายจะให้ลูกอมผงยา หากต้องการในทางโชคลาภ หลวงพ่อร้ายจะให้ลูกอมด้ายขาวสาวพรหมจรรย์

          ด้วยเหตุที่ลูกอมของหลวงพ่อไล้(ร้าย) มีพุทธคุณโดดเด่นเป็นอย่างมาก จึงมีชายผู้หนึ่งนำลูกอมผงยาไปฝนให้ลูกสาวชาวบ้านคนหนึ่งกินจนเกิดความหลงใหลหนีตามไป สุดท้ายชายผู้นั้นก็ไม่รับผิดชอบขับไล่ไสส่งหญิงสาวคนนั้นไป เมื่อความรู้ถึงหลวงพ่อไล้(ร้าย) ท่านจึงนำลูกอมที่ทำไว้และยังเหลืออยู่ โยนทิ้งทะเลจนหมดสิ้นและไม่ทำลูกอมออกมาแจกจ่ายอีกเลย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ลูกอมของหลวงพ่อไล้(ร้าย) กลายเป็นของหายากยิ่งของแท้ดุง่ายๆยิ่งหายาก.

          พระพิมพ์เนื้อผงคลุกรักหลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร

          พระของหลวงพ่อไล้(ร้าย) ส่วนใหญ่จะเป็นพระเนื้อผงคลุกรัก เนื้อพระและพิมพ์ทรงเป็นเอกลักษณ์ ที่พอแยกและนิยมกันในสมัยก่อนสามารถแยกพิมพ์ได้คราวๆดังนี้

          พระพิมพ์พระประธานเนื้อผงยา

          สร้างขึ้นก่อนปี พ.ศ. ๒๔๕๑ มีการสร้างด้วยเนื้อผงคลุกรักจัดเป็นพิมพ์ที่ได้รับความนิยมและเล่นหากันมาแต่โบราณว่าเป็นพระที่หลวงพ่อไล้ได้จัดสร้างไว้ พุทธลักษณะคล้ายพระขุนแผนบ้านกร่าง เป็นพระที่มีพิมพ์ทรงเป็นเอกลักษณ์น่าสะสมเป็นอย่างยิ่ง

พระพิมพ์พระประธาน ของพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร


          ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธนั่งปางมารวิชัย หูบายศรี พระเศียรกลมมนเป็นผลมะตูม พระเกศจรดซุ้ม มีฐานบัวฟันปลาอยู่ด้านล่าง 

          ด้านหลัง เรียบ (ในบางองค์ จะมียันต์ที่ด้านหลัง)

          พระพุทธผงยาพิมพ์ฐานตาราง  

          สร้างด้วยเนื้อผงยาคลุกรัก จัดเป็นอีกพิมพ์หนึ่งที่ได้รับความนิยมและเล่นหากันมาแต่โบราณว่าเป็นพระที่หลวงพ่อไล้ได้จัดสร้างไว้ พุทธลักษณะเหมือนพระพิมพ์เล็บมือ มีห่วงทองแดงไว้สำหรับห้อยพระ เป็นพระพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อไล้(ร้าย) อีกพิมพ์หนึ่ง

พระพุทธพิมพ์ฐานตาราง หลวงพ่อไล้(ร้าย) วัดเขายี่สาร ของคุณณัฐพนธ์ โชติกันตะ

           ด้านหน้า เป็นรูปพระพทุธประทับนั่งขัดสมาธิพนมมือ หูบายศรี ฐานด้านล่างเป็นตาราง ๓ ชั้น 

           ด้านหลัง เรียบ ในบางองค์มีรอยจาร

           พระพุทธผงยาพิมพ์ใบมะยม

           เป็นพระพิมพ์เนื้อผงยาคลุกรักรูปหยดน้ำ ด้านบนมีห่วงทองแดงไว้สำหรับห้อยพระ เป็นพระพิมพ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของหลวงพ่อไล้(ร้าย) อีกพิมพ์หนึ่ง

พระพุทธพิมพ์ใบมะยม เนื้อผงยา หลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร

          ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธประทับนั่งขัดสมาธิพนมมือ หูบายศรี ด้านข้างขอบพระมีลวดลายล้อไปกับขอบขององค์พระ 

          ด้านหลัง เรียบ ในบางองค์มีรอยจาร

          พระพิมพ์เศียรโล้น ประภามณฑล

          เป็นพระเนื้อผงยาคลุกรักขนาดเล็ก มีห่วงทองแดงสำหรับห้อยพระ จัดเป็นพระพิมพ์ที่หายาก.

พระพิมพ์เศียรโล้น ประภามณฑล เนื้อผงยา หลวงพ่อไล้ วัดเขายี่สาร


          ด้านหน้า เป็นรูปพระพุทธปางสมาธิ องค์พระเป็นแบบเศียรโล้น มีรัศมีประภามณฑล ใต้มีอักขระลวดลายและเส้น บังคับพิมพ์ล้อไปกับขอบขององค์พระ

          ด้านหลัง เรียบไม่มีลวดลาย ในบางองค์มีรอยจาร
  
          ตำนานพระกินคน แห่งวัดเขายี่สาร

          ด้วยเหตุที่วัดเขายี่สารมีซอกหินอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเป็นที่หลบซ่อนของงูเห่าเป็นจำนวนมาก คนโบราณจึงใช้อุบายพระกินคนไว้คอยหลอกเด็ก ไม่ให้ขึ้นไปวิ่งเล่นบนวัดจนเกิดอันตรายได้.

พระกินคน วัดเขายี่สาร

             เนื่องจากชาวพุทธทั่วไปถือว่าพระพุทธรูปคือสิ่งศักดิ์สิทธิ์  ที่สมควรแก่การกราบไหว้บูชามาทุกยุคทุกสมัย ในทั่วภูมิภาคของประเทศไทยที่นับถือพระพุทธศาสนา แต่ทำไมพระพุทธรูปองค์นี้จึงมีประวัติความเป็นมาที่ดูน่ากลัวโหดร้าย จนนักปราชญ์ในสมัย ร.๕ อย่าง ก.ศ.ร.กุหลาบ ได้เขียนบรรยายเรื่องราวความเชื่อนี้เอาไว้ในนิราศเขายี่สาร เมื่อคราวมาเยือนที่นี่ ว่า

“…แล้วมีเหล็กสองตะปลิงยิงพระโอษฐ มาทำโทษพระได้น่าใคร่หัว
ช่างไม่เกรงบาปกรรมเหมือนทำตัว ท่านทำชั่วล้างผลาญประการใด
ข้าพเจ้าจึงได้เที่ยวไต่ถาม อยากทราบความมั่นคงที่สงไสย
ไปปะภบผู้เฒ่าที่เข้าใจ จึงเล่าให้ฉันฟังแต่หลังมา
ว่าเดิมทีมีเด็กเดินไปเที่ยว แต่ภอเลี้ยวลับลงที่ตรงหน้า
เสียงร้องกรีดขึ้นประหลาดหวาดวิญญา พระสงฆภากันตรงลงไปดู
ไม่เหนเด็กที่นั่นขันหนักหนา เหนแต่ผ้านุ่งของเด็กกองอยู่
ที่ตรงน่าพระนั้นครั้นไปดู จึ่งมีผู้สังเกตรู้เหตการ
เหนโลหิตติดแดงอยู่ที่โอษฐ จึ่งลงโทษว่าพระนั้นประหาร
เจ้าคณะที่อยู่แต่บูราณ จึ่งคิดการเอาตะปลิงมายิงไว้
เพื่อจะกันอันตรายไปภายน่า มีให้อ้าโอษฐขึ้นกินคนได้
ตั้งแต่เย็บโอษฐนั้นต่อวันไป แล้วก็ไม่มีเหตุสังเกตมา” 

            จากเรื่องราวในนิราศที่ ก.ศ.ร.กุหลาบ ได้เขียนบรรยายเอาไว้ ตามคำบอกเล่าของคนเฒ่าคนแก่ในสมัยนั้น เกี่ยวกับพระพุทธรูปองค์นี้ว่าได้กินเด็กคนหนึ่งที่เข้ามาเล่นบริเวณวิหาร เลือดติดอยู่ที่ปาก คนไปพบเข้าจึงลงโทษโดยการเอาตะปูตอกปากเพื่อกันมิให้ไปกินใครอีก.


โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง

บทความที่เกี่ยวข้อง


***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุน​ให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***

ไม่มีความคิดเห็น

ค้นหาบล็อกนี้