หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร พระเกจิหนังเหนียวของสมุทรสงคราม จากคำบอกเล่าของคุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์
หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม ถ่ายปี พ.ศ. ๒๕๒๒ |
คุณสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ท่านเป็น นักแสดง นักพากษ์ ผู้เขียนบทโทรทัศน์ ผู้กำกับการแสดงชื่อดังที่มาฝากตัวเป็นศิษย์ของหลวงพ่อศักดิ์
ตามคำแนะนำของคุณจำรูญ หนวดจิ๋ม (จำรูญ น้อยทิพย์) นักแสดงอาวุโส ซึ่งพี่รูญบอกว่าไปพบท่านด้วยความบังเอิญ เพราะหน้าที่ของพี่รูญตอนนั้น นอกจากเป็นนักแสดงอาชีพแล้ว ท่านยังเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายปราสัมพันธ์ให้กับธนาคารออมสิน ซึ่งมีคุณอดิศักดิ์ เศวตนันท์ เป็นผู้อำนวยการอยู่ในสมัยนั้น
จากหน้าที่การงานนี้ทำให้ต้องไปตามหัวเมืองต่างๆ เกือบทุกจังหวัด จนกระทั้งได้ไปกราบหลวงพ่อศักดิ์เข้า ด้วยความเลื่อมใสและประทับใจ
และเมื่อพี่รูญ ได้เห็นว่าผม (คุณสะอาด) จมอยู่ในห้วงของความทุกข์จึงได้ออกปากชวนให้ผมลองไปกราบท่านดู
ในปี พ.ศ. ๒๕๐๒ เมื่อถึงเวลานัดหมายจึงออกเดินทางไปกับพี่รูญด้วยรถยนต์ ซึ่งในสมัยนั้นการเดินทางมาวัดต้องขับรถไปทางถนนเพชรเกษม ผ่านนครปฐมไปทางราชบุรี (ยังไม่มีถนนพระราม ๒) ก่อนจะถึงราชบุรีต้องเข้าแยกบางแพ
เพื่อจะไปดำเนินสะดวก(บ้านแพน) ปัจจุบันคือตลาดน้ำดำเนินสะดวก เมื่อไปถึงแล้วต้องจอดรถทั้งไว้ที่ท่าน้ำบ้านแพน เพราะถนนมาสุดทางแค่ตรงนี้ สมัยนั้นถนนเส้นดำเนิน-สมุทรสงครามยังไม่มี
แล้วต่อเรือหางยาวรับจ้างไปที่วัดอีกที โดยคิดเป็นเที่ยวตามแต่ตกลงกันทั้ง ๒ ฝ่าย สมัยนั้นคนเรือเมื่อรู้ว่าจะไปวัดไทร ทุกคนจะรู้ดีว่าเมื่อไปแล้วจะไม่รู้เวลากลับว่าจะกลับเมื่อไหร่
จึงคิดราคาเหมารายวันไปในอัคราค่าเรือ ๑๕๐ บาทตายตัว มากกว่านี้ไม่ได้ เพราะถ้าถึงหูหลวงพ่อก็จะเดือดร้อน ต้องคืนให้ ไม่มีใครกล้าฝืน
เมื่อไปส่งแล้วคนเรือก็จะต้องรอผู้เช่าเดินลงมาจากวัด ไม่ว่าจะดึกดื่นสักแค่ไหนก็ตาม เรื่องอาหารการกินไม่ต้องห่วง เพราะหลวงพ่อท่านให้ลูกศิษย์จัดหาให้กินครบทุกมื้อ ชา กาแฟ หรือโอวัลติน ไม่มีขาด ยกเว้นก็แต่ของมึนเมาเท่านั้น (แอบเอาไปกินก็ไม่ได้)
ตลอดคลองบางคนทีใครๆ ก็รู้ว่าหลวงพ่อดุ วาจาท่านถือเป็นเรื่องยุติได้ทุกเรื่อง เรือที่นั่งนั้นถ้าเป็นเครื่องรถยนต์สี่สูบดัดแปลงจะใช้เวลาประมาณ ๓๐ นาที แต่หากเป็นเครื่อง "เจโร่" ใช้เวลา ๔๕- ๕๐ นาทีก็จะถึง
เมื่อมาถึงท่าน้ำวัด จะมีทางขึ้นที่สะดวกสบาย บริเวณรอบๆ วัดเป็นลานกว้างๆ มีต้นไม้ใหญ่โบราณอยู่ ๓ - ๔ ต้น บริเวณวัดมีลักษณะเป็นเกาะ มีต้นไม้ขึ้นอยู่โดยรอบๆ เสมือนรั้วเป็นการบ่งบอกอาณาเขต
มีศาลาหลังใหญ่ปลูกติดกับกุฏิเรือนไทย มีพระอุโบสถแบบมหาอุตม์เก่าๆ หลังไม่ใหญ่นัก มีเจดีย์อยู่หน้าโบสถ์ ๒ องค์ ข้างโบสถมีต้นมะขามโบราณขนาดใหญ่ ๒ - ๓ คนโอบอยู่ ๑ ต้น
ด้านหลังวัดถูกกั้นไว้เป็นเขตของโรงเรียนวัดไทร (ซึ่งตอนนั้นยังใช้ว่า "วัดไซ") เป็นเรือนไม้ ๒ ชั้น ขนาดสิบกว่าห้องเรียน ตอนที่ผมไปถึงยังเป็นเวลาเรียนอยู่
บริเวณวัดสะอาดสะอ้าน เป็นระเบียบแบบธรรมชาติ เมื่อเดินมาถึงศาลาวัด บนศาลามีเจ้าบุ๊กกับเจ้าบ๊อก หมาพันธ์ไทยนอนอยู่ ๒ ตัว
ของที่นำไปถวายท่านคือธูปหอมมงคลวิเศษ เป็นธูปขนาดใหญ่ ดอกนึงจุดได้ ๒๐ นาทีพอดี ซึ่งพี่รูญบอกว่าหลวงพ่อชอบ อีกอย่างที่นำไปถวายคือใบชา ยี่ห้อสามใบหลิว ที่ท่านชอบ
นั่งรอสักพักหลวงพ่อก็เดินออกมาจากกุฏิ มานั่งที่อาสนะ โดยมีเจ้าหมา ๒ ตัว ขนาบข้างละตัวอย่างกับอารักขา
พี่รูญแนะนำผมให้กับหลวงพ่อทราบถึงสาเหตุที่พาผมมากราบในวันนี้ ท่านมองดูผมด้วยความเมตตา ทั้งๆที่ท่านเป็นคนหน้าดุสมกับคำบอกเล่า
หลวงพ่อศักดิ์เป็นคนร่างใหญ่ แบบคนไทยโบราณ สูงประมาณ ๑๘๐ เซนติเมตร ที่แขนทั้ง ๒ ข้างของท่านสักรูปมังกรเลื้อยพับรอบแขน แขนของท่านใหญ่มีกล้ามเนื้อแข็งแรงล่ำบึ้ก ซึ่งปีนั้นท่านมีอายุได้ ๖๕ ปี บวชมาได้ ๔๔ - ๔๕ พรรษาแล้ว
"จะสุขหรือทุกข์ มันก็อยู่ที่ตรงนี้" ท่านเอานิ้วชี้ที่หน้าอก
มันอยู่ที่เรานั่นแหล่ะ ลองพิจารณาดูสิคุณ...อะไรที่มันผ่านมา มันเกิดจากการกระทำของตัวเราเองทั้งนั้น อดีตน่ะ มันแก้ไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันเป็นเรื่องที่ผ่านมาแล้ว
คนฉลาดก็ต้องจดจำเอาว่า ความผิดพลาดนั้นเป็นตำราที่เราจะต้องยึดถือเอาไว้ อย่าให้โกาสมันเกิดขึ้นอีกเป็นซ้ำ้สอง หรือ ซ้ำซาก
ต้องตั้งใจที่จะทำอะไรที่มันดีกว่าเดิม อย่าซ้ำเติมตัวเองให้ผิดพลาดอีก ท่านหยุดนิ่งมองหน้าผมแล้วยิ้มๆ "แต่มันก็ทำได้ยากนะคุณ...มันอยู่ที่คุณอีกนั่นแหล่ะที่จะต้องเลือกเอาเอง"
ผมก้มลงกราบพร้อมแสดงความปรารถนาด้วยการขอเป็นศิษย์ หลวงพ่อยิ้มแล้วพยักหน้าอย่างอารมณ์ดี พี่รูญนั่งปลื้มอยู่ข้างๆ ด้วยความพอใจ
นายจำรูญ หนวดจิ๋ม ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม |
หลังจากนั้นพักใหญ่ๆ ป้าสำเนียงหญิงชราอายุประมาณ ๖๐ ปีเศษ ผมขาวโพลนหน้าตาใจดี เดินมารับผมและพี่รูญไปทานข้าวที่วัดจัดเตรียมไว้ให้ สมัยนั้นหลวงพ่อไม่เคยให้ใครอด ใครไปใครมาก็จะได้การรับรองอย่างดี คนเรือที่มาด้วยกันก็ได้รับการจัดสำรับด้วย
หมาแมวในวัดทุกตัวมีสุขภาพแข็งแรงขนเป็นมันสะอาดสะอ้าน อ้วนพี หลวงพ่อท่านว่าถ้าสมภารดูแลหมาแมวในวัดยังดูแลให้ดีไม่ได้ นับประสาอะไรจะไปดูแลพระเณร ญาติโยม ให้เจริญรุ่งเรืองได้
เมื่อฝากตัวเป็นศิษย์แล้วเกิดเลื่อมใสในจริยวัตร และคำสั่งสอนของหลวงพ่อ จนคุณสะอาดมักเดินทางไปสนทนาธรรม และเรื่องอื่นๆมากมาย เรียกได้ว่าเป็นศิษย์ก้นกุฏิเลยทีเดียว
มีอยู่วันหนึ่งหลังจากฝากตัวเป็นศิษย์วันหนึ่งหลังจากเสร็จงานทางโทรทัศน์แล้ว ก็ออกจากทีวีช่องสี่ บางขุนพรหมไปที่วัดไทร กว่าจะถึงวัดก็ตกเวลาตี ๒ เข้าไปแล้ว
พอเรือจอดเทียบท่าก็พบหลวงพ่อศักดิ์ยืนถือตะเกียงเจ้าพายุลงมาต้อนรับอยู่แล้ว คณะที่ไปด้วย ๒- ๓ คนแปลกใจกันใหญ่ว่าท่านทราบได้อย่างไรว่าพวกเราจะมากราบท่านดึกดื่นเช่นนี้
คุณสะอาดเล่าว่าจำได้แม่นว่านั่งคุยกับท่านจนเกือบรุ่งเช้า เกิดสงสัยเรื่องเลขยันต์จึงถามหลวงพ่อว่ามีจริงไหมของแบบนี้
ท่านจึงเล่าว่ามีจริงแต่ของจะขลังหรือไม่ขึ้นอยู่กับคนเสก ว่าแล้วท่านก็ให้ไปตัดใบกล้วยที่ขึ้นอยู่ริมคลองมา ๒- ๓ ยอด (ที่มันยังม้วนอยู่) ท่านให้เอามาคลี่ปูนั่งแล้วก็เอาเหล็กจารมาเสกคาถาไม่กี่คำก็เป่าพรวดมาที่หัวคุณสะอาด พลางหัวเราะว่า "นี่เป็นเรื่องเล่นๆ ทำให้ดูเท่านั้น อย่าไปเชื่อจนงมงายล่ะ เอ๊าลุกขึ้น!"
เมื่อลุกขึ้นแล้ว ใบกล้วยยอดอ่อนๆ ที่ยังม้วนอยู่กลมๆ ซึ่งคุณสะอาดเอามือไปคลี่ปูนั่งให้หลวงพ่อเสกคาถาที่ท่านว่าทำเล่นๆ ให้ดู แต่...ปรากฏเป็นตัวอักษรขอมอยู่บนใบกล้วยจนเต็มไปหมดอย่างน่าอัศจรรย์
อีกเรื่องหนึ่งคือ ที่ตัวหลวงพ่อศักดิ์มีรอยที่ถูกลูกปืนของพระกล้าชาญณรงค์ฯ (ตำรวจ) ที่ยิงท่านก่อนที่จะบวชติดตัวท่านมาตลอด รอยนั้นเป็นก้อนฝีขนาดเท่าหัวแม่มือตรงกระดูกสันหลังกลางบั้นเอวพอดี คุณสะอาดเคยเอามือคลำดูมันเป็นไตๆ ท่านไม่มีความเจ็บปวด ถือเป็นของที่ระลึกที่ได้มาก่อนบวช
วันหนึ่งเจ้าก้อนรอยลูกปืนก็เกิดอาการอักเสบ เพราะฝังอยู่ในร่างกายของหลวงพ่อมาเป็นระยะเวลาถึง ๔๘ ปี ลูกศิษย์ที่เป็นนายแพทย์หลายรายต่างอาสาขอทำการรักษาท่านก็ปฏิเสธไปทุกราย เพราะว่าการรักษาท่านด้วยการผ่าตัดนั้นคงไม่ได้ผล แต่ละรายก็พากันถอยไปทุกราย
ปีนั้นเป็นปี พ.ศ. ๒๕๑๔ อยู่มาวันหนึ่ง มีนายทหารอากาศที่เป็นนายแพทย์ มียศเป็นนายพลอากาศไปกราบท่าน เมื่อทราบเรื่องก็ขออาสารักษาให้ด้วยการผ่าจะเอาหนองออกให้
หลวงพ่อศักดิ์ ท่านบอกให้นายพลอากาศผู้นั้นทราบว่า ท่านไม่เหมือนกับคนไข้ทั่วๆไป คือหนังท่านไม่สามารถที่จะใช้ศาสตรวุธใดๆ ผ่านได้
ทำเอานายพลหมออากาศผู้นั้นหัวเราะลั่นพลางว่า ผมผ่ามาเยอะแล้วครับ ไม่มีรายไหนหรอกครับที่จะต้านมีดหมอของผมไปได้ แถมสำทับให้ทราบด้วยว่า วันนี้ได้เตรียมเครื่องมือมาด้วยแล้วเพราะได้รับทราบจากลูกศิษย์ลูกหาที่ส่งข่าวไปบอก
ท่านเลยตามใจ โดยเหตุการณ์คุณสะอาดได้นั่งอยู่ด้วยตั้งแต่เริ่มแรก ในที่สุดคุณหมอก็ลงมือจัดการตามวิธีการของแพทย์แผนปัจจุบันกับหลวงพ่อด้วยความมั่นใจ เริ่มด้วยการทำความสะอาดฆ่าเชื้อบริเวณที่จะทำการผ่าจะเอาซีสต์ก้อนนี้ออก
ซึ่งตอนนั้น ตรงจุดบริเวณก้อนแข็งนั้น มันมีเลือดซึมๆ ออกมาใสๆ (เข้าใจว่าคงเป็นหนอง) เอาสำลีมาซับก็มองเห็นได้ เป็นน้ำสีเลือดจางๆใสๆ
หมอเปิดกล่องเครื่องมือที่มีเข็มฉีดยาออกมาบรรจุยาชาเตรียมฉีดบริเวณที่จะทำการรักษา แต่ปล้ำเท่าไหร่ ก็ทำการฉีดให้ไม่สำเร็จ เข็มครูดไปครูดมาบนหนังของท่าน
ตอนนี้คุณหมอ เริ่มมีเหงื่อซึมออกมาเต็มใบหน้า จนต้องหยุดนิ่งพักใหญ่ โดยที่หลวงพ่อศักดิ์ท่านก็นั่งเฉย ปล่อยให้คุณหมอปฏิบัติกับท่านต่อไป
สักครู่คุณหมอจึงเอามีดผ่าตัดจากกล่องมาแล้วพยายามกรีดหนังตรงก้อนซีสต์นั้น แต่ก็กรีดไม่เข้า หมอถึงกับต้องเปลี่ยนมีดไม่ต่ำกว่า ๓ เล่มก็ไม่เข้า คุณหมอถึงกับหน้าซีด ทำอยู่นานจนเห็นว่าจะไม่สำเร็จแล้วหลวงพ่อจึงพูดขึ้นว่า
"เอาเถอะคุณหมอคงจะเห็นและเชื่อแล้วว่ามันทำไม่ได้" ท่านหันมาทางคุณสะอาด พลางว่า "คุณสะอาด ช่วยหลวงพ่อหน่อย เอาไม้ ๒ ท่อนนั้นมาช่วยรีดน้ำหนองออกให้หลวงพ่อที"
ไม้ ๒ ท่อนนั้นมีลักษณะคล้ายๆ กับ กรับของนักขับเสภาใช้ ทั้งขนาด สีสัน เช่นเดียวกันเลย โดยหลวงพ่อให้ใช้ไม้ขัดที่รอบแผล แล้วให้ใช้แก้วน้ำขนาดกลางๆ จุดไฟด้วยสำลีชุปแอลกอฮอลล์ไล่อากาศออก แล้วปิดทับที่บริเวณแผล
มองเห็นก้อนเนื้อนูนไปตามขอบปากแก้ว น้ำหนองจากรูที่ซึมอยู่ก่อนค่อยๆปริออก และไหลทะลักออกมาใส่แก้วจนหมด คล้ายการบีบสิว ก่อนจะรีดด้วยการกดจนเลือดออกแล้วจึงใช้ยาทาแทน หมอทหารได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง และช่วยได้แค่ทายา ทาแผลให้เท่านั้น
นายสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ลูกศิษย์หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร สมุทรสงคราม |
เรื่องนี้คุณมนัส ดวงสกุล และคุณโสภณ คำนึงเนตร ซึ่งสมัยนั้นเป็นเด็กวัดรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อศักดิ์ เล่าว่า ท่านเป็นซีสต์ที่หลังจริง แต่ชาวบ้านเรียกว่าฝี ฝีนี้อยู่บริเวณสะบัก (ใต้ไหล่ด้านหลังข้างซ้าย) เป็นอาเพทที่ท่านมักจะเป็นที่จุดนี้บ่อย ไม่ปีละครั้งก็สองปีครั้ง
ท่านเล่าว่าตำแหน่งนี้ท่านถูกผู้หญิงยิงไม่เข้า แต่จะเกิดอาเภทคือฝีขึ้นให้ท่านเป็นทุกข์ประจำ ที่คุณโสภณ เป็นบุรุษพยาบาลทำหน้าที่คอยกดแผลให้หนองไหลออกมา เช็ดจนสะอาดดีแล้วก็เอาเมล็ดในของลูกต้อยติ่งโป๊ะไปที่แผล
หลวงพ่อท่านไม่เคยใส่ยาอื่นเลย มีอยู่คราวหนึ่งในช่วงที่แผลจะหาย คุณโสภณก็ทำหน้าที่ตามปกติท่านคงคันรอบแผลจึงเอามีด ซึ่งคุณโสภณยืนยันว่าคมมาก (ไม่มีมีดเล่มไหนของหลวงพ่อที่ไม่คม) เคยเผลอถูกบาดโดยไม่รู้ตัวมาแล้ว
ท่านเอาทางดานคนเฉือนกดแล้วลากบริเวณรอบๆ แผล ลากไปตรงไหนตรงนั้นเป็นรอยขาวเป็นทาง ความคมของมีดไม่มีระคายผิวหนังท่านเลยสักนิด หลวงพ่อท่านหันมาถามว่า "เอามั่งมั้ย"
คุณโสภณระร่ำระลักปฏิเสธ
พระนาคปรกหน้ากากทองหลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร (หายาก) ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อผงพุทธคุณคลุกรักพอกครั่ง |
อีกเรื่องหนึ่ง คุณสะอาด เล่าว่าคราวหนึ่งวัดได้จัดงานบวชให้กับสามเณรภายในวัด แต่จะกี่รูปนั้นจำไม่ได้ พระที่ทำหน้าที่โกนผมให้เณรที่จะบวชเสร็จแล้ว
พระท่านก็นำมีดโกนของหลวงพ่อชนิดที่เป็นแบบพับเก็บได้ในตัว มาคืนหลวงพ่อศักดิ์ ต่อหน้าลูกศิษย์ที่นั่งกันอยู่หลายคน มีใครไม่รู้ที่เป็นศิษย์ใหม่ คงเป็นญาติสามเณรที่จะบวช เป็นคนไปจากกรุงเทพฯ เกิดอุตริตั้งคำถามขึ้นมาว่า
"หลวงพ่อครับ เขาเล่ากันว่าหลวงพ่อหนังเหนียว จริงไหมครับ?"
หลวงพ่อหยุดคุยไปชั่วครู่ ก่อนจะตอบว่า "ไม่รู้ซิ...คุณ..."
ท่านหยุดพูด แล้วหันไปหยิบเอามีดโกนที่พระเพิ่งจะนำมาคืนให้มาวางไว้เมื่อสักครู่ขึ้นมา เอามือลูบตรงคมมีดอยู่ไปมา
"อาตมาไม่รู้ว่ามันคมหรือเปล่า...เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน..."
ท่านหยุดลูบตรงคมมีด แล้วเอาคมมีดเชือดและเฉือนแรงๆ หลายทีที่แขนข้างซ้ายของท่าน
คุณสะอาด เล่าว่าแกเหลือบตามองหน้าคนถาม เห็นหน้าซีดจนขาวออกเขียว พวกผู้หญิงหลบหน้าหันไปมองทางอื่นกันหมด ไม่กล้าดู
หลวงพ่อย้ายมีดในมือที่กำลังเชือดอยู่ เลื่อนมือขึ้นไปจับที่หนังคอที่ลูกกระเดือก แล้วเอามีดโกนเชือดอีกหลายๆ ครั้ง
คุณสะอาดได้ยินเสียงดังตึง หันไปดู เจ้าคนถามเป็นลมล้มหงายหลัง ลงไปกองกับพื้น
หลวงพ่อหันมายิ้มๆ "อ้าว..คุณ..มีดมันทื่อน่ะ..ใครช่วยชงยาหอมให้ทีซิ..."
เล่นเอาพวกที่มาด้วยกันโกลาหล ต้องช่วยกันทำการปฐมพยาบาลกันยกใหญ่ พอฟื้นคืนสติขึ้นมา คุณสะอาดเห็นว่า ศิษย์คนนั้นก้มกราบขอขมาหลวงพ่อท่าน จนตูดโด่งเลยทีเดียว
คุณสะอาด ว่าหมอนั้นยังโชคดี เพราะถ้าได้เห็นหลวงพ่อวิ่งเอาอกกระแทกหอกที่ตั้งยันกับต้นเสาไว้ มันคงช็อคจนขาดใจตาย แน่นอน!
เรื่องนี้คุณมนัส ดวงสกุล และคุณโสภณ คำนึงเนตร ซึ่งสมัยนั้นเป็นเด็กวัดรับใช้ใกล้ชิดหลวงพ่อศักดิ์ เล่าว่าเป็นเรื่องจริงตอนรับใช้หลวงปู่ใกล้ชิดมีคนมาลองของบ่อยเอามีดโกนมาเองบ้าง เอาของหลวงปู่บ้าง ให้ท่านเชือดคอตัวเอง ท่านก็ทำให้ดูนะตอนแรกก็เสียวแทนแต่นานก็ชินเพราะไม่เคยเห็นว่ามันจะระคายผิวท่านเลยสักครั้ง
พระอุโบสถที่วัดอีกอย่างหนึ่ง มีหลายคนยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่าเคยมีตำรวจทหารที่อยากลองดี เอาปืนมาลองยิงข้ามพระอุโบสถกัน แต่ไม่เคยออกบ่อยๆ จนไม่มีใครกล้ามาทดลองอีก เพราะตอนหลัง หลวงพ่อบอกว่า "ระวังเหอะ ปืนจะแตก!"
แล้วก็ได้ผล เคยมีขี้เมาอวดแผลงฤทธิ์เอาปืนมายิงสามสี่นัด ปืนไม่ออก แต่พอนัดที่สี่ ปรากฏว่าปืนแตก ต้องไปนอนรักษาขวัญ รักษาตัวที่โรงพยาบาลราชบุรีเอาเสียหลายวัน
พระปรกหน้ากากทอง หลวงพ่อศักดิ์ วัดไทร ปี พ.ศ. ๒๕๑๐ เนื้อผงหน้ากากทองคำ |
หลวงพ่อศักดิ์ ท่านเป็นพระที่ใจดี พระกรุที่แตกออกมาใครมาขอท่านแจกหมด แต่จะมีพระที่ท่านสร้างเท่านั้นทึ่ท่านจะหวง
ต่อมาลูกศิษย์ได้ขอร้องให้ท่านสร้างพระและเหรียญไว้แจกบ้าง
ซึ่งท่านก็ได้รวบรวมเอาเนื้อผงของหลวงปู่อ่วมและหลวงปู่นวลที่เก็บไว้ในลังสมบัติสมภารอาจารย์ท่านทั้ง ๒ รูป รวมทั้งคัมภีร์ใบลาน สมุดข่อยเก่าๆ ที่ชำรุดแล้ว นำมาเผาเป็นเถ้าแล้วนำมาผสมกัน
สั่งให้ผม (คุณสะอาด) หาช่างแกะแม่พิมพ์เป็นพระนาคปรกขึ้น ๒ ขนาด (เวลาพิมพ์พระท่านจะเอาทองคำแท้ รีดลางแบบโบราณ นัยว่าเป็นทองคำบางสะพานมากรุเป็นทองหน้าพระ ทำให้คมชัด สวยงามมาก
พระที่ท่านสร้างเองนี้ ท่านกลับหวง จะให้ใครทุกครั้ง ท่านจะเจาะจงให้ ส่วนมากจะต้องเป็นศิษย์ที่เลื่อมใสในตัวท่านนั่นเอง ใครบอกว่าเป็นศิษย์หลวงพ่อศักดิ์วัดไทร แล้วไม่มีพระที่ท่านสร้าง ก็ดูจะน้อยหน้าเอามากๆ ทีเดียว!
พระอีกพิมพ์หนึ่งที่ท่านหวงนักหวงหนาคือ พระของอาจารย์ท่านทั้ง ๒ องค์ คือเหรียญหล่อจอบหลวงปู่อ่วม (ทองดอกบวบหล่อ) และเหรียญหลวงปู่นวล (แกะพิมพ์ ปั๊ม) ซึ่งพระทั้ง ๒ พิมพ์นี้มีจำนวนน้อยมาก สิ่งสุดท้ายคือ สีผึ้งเมตตาหลวงปู่อ่วม.
บันทึกโดย : สะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ ๑๐ มีนาคม ๒๕๕๐
ข้อมูล : หนังสือพระราชทานเพลิงศพนายสะอาด เปี่ยมพงศ์สานต์ วันอาทิตย์ที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๕๖๒
โดย : สารานุกรมพระเครื่องลุ่มน้ำแม่กลอง
บทความที่เกี่ยวข้อง
***-[เป็นกำลังใจและสนับสนุนให้เราเขียนบทความดีๆ ช่วยกดดูโฆษณาด้านล่างนะคะ]-***
ไม่มีความคิดเห็น